สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของฝีคือการติดเชื้อ เมื่อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผลหรือช่องเปิดอื่นๆ แบคทีเรียอาจขยายตัวและก่อให้เกิดการติดเชื้อ ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองโดยส่งเม็ดเลือดขาวไปต่อสู้กับการติดเชื้อ ในบางกรณี เม็ดเลือดขาวเหล่านี้อาจรวมตัวกันและก่อตัวเป็นโพรงหนอง ซึ่งเรียกว่าฝี สาเหตุอื่นๆ ของฝี ได้แก่ ต่อมไขมันอุดตัน สิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในผิวหนัง ภาวะสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน
อาการของฝีจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิดในร่างกาย หากเกิดขึ้นที่ผิวหนัง จะเห็นเป็นก้อนบวมแดง อุ่นๆ เมื่อสัมผัส อาจเจ็บและปวดได้ หากฝีอยู่ลึกเข้าไปในร่างกาย อาจมองไม่เห็น แต่สามารถทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ในบางรายอาจมีของเหลวไหลออกจากบริเวณที่เป็นฝี ซึ่งอาจมีกลิ่นเหม็นได้
เพื่อวินิจฉัยฝีแพทย์จะทำการตรวจร่างกายและอาจเก็บตัวอย่างน้ำที่ระบายออกเพื่อวิเคราะห์ ซึ่งจะช่วยระบุชนิดของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อและช่วยตัดสินใจในการรักษา ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องใช้การตรวจด้วยภาพ เช่น การเอกซเรย์หรืออัลตราซาวนด์ เพื่อค้นหาฝีที่ลึกกว่า
การรักษาฝี พบแพทย์ตรวจและรักษาทางการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ หลักคือการระบายหนองและบรรเทาอาการ สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของฝี ฝีขนาดเล็กที่ผิวเผินสามารถระบายออกได้โดยกรีดแผลเล็กๆ แล้วปล่อยให้หนองไหลออกมา สำหรับฝีที่มีขนาดใหญ่หรือลึก แพทย์อาจต้องใช้เข็มหรือสายสวนเพื่อระบายหนอง ในบางกรณีอาจต้องผ่าตัดเพื่อเอาหนองและการติดเชื้อที่เป็นต้นเหตุออกให้หมด
หลังจากทำการระบายหนองแล้ว สิ่ิ่งสำคัญคือต้องรักษาบริเวณนั้นให้สะอาดและแห้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อเพิ่มเติม อาจมีการจ่ายยาปฏิชีวนะหากการติดเชื้อรุนแรงหรือแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ยาแก้ปวดสามารถช่วยบรรเทาอาการไม่สบายได้ และการประคบอุ่นสามารถบรรเทาและส่งเสริมการรักษา สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลแผลที่บ้าน
ขั้นตอนบางอย่างที่สามารถทำได้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝี การปฏิบัติสุขอนามัยที่ดี เช่น ล้างมือเป็นประจำ รักษาแผลให้สะอาด หลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกัน สำหรับผู้ที่มีภาวะสุขภาพเรื้อรัง เช่น เบาหวาน การจัดการภาวะนี้อย่างเหมาะสมยังสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดฝีได้อีกด้วย
การพบแพทย์ตรวจและรักษาทางการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ