อาการที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งของโรคโลหิตจางคือความอ่อนล้า ซึ่งเกิดจากเม็ดเลือดแดงทำหน้าที่นำออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย เมื่อเม็ดเลือดแดงมีจำนวนลดลงหรือทำหน้าที่น้อยลง อาจทำให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนแรง ซึ่งอาจส่งผลให้ทำกิจกรรมง่ายๆ เช่น การเดิน ขึ้นบันไดจนรู้สึกเหนื่อยล้าได้ นอกจากนี้ ความอ่อนล้าที่เกิดจากโรคโลหิตจางยังอาจส่งผลให้มีสมาธิสั้น ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงได้ด้วย
อาการอีกอย่างหนึ่งของโรคโลหิตจางคือหายใจถี่ ดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เซลล์เม็ดเลือดแดงทำหน้าที่นำออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ เมื่อขาดออกซิเจน อาจทำให้หายใจลำบาก
โดยเฉพาะในระหว่างกิจกรรมทางกาย ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่คุ้นเคยกับการออกกำลังกายรู้สึกเครียด วิตกกังวลได้
นอกจากอาการอ่อนเพลีย หายใจไม่ค่อยออกแล้ว โรคโลหิตจางยังอาจมีอาการวิงเวียนศีรษะ มึนงงได้อีกด้วย
เนื่องจากสมองต้องการออกซิเจนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทำงานได้อย่างเหมาะสม เมื่อระดับออกซิเจนลดลง อาจทำให้เกิดอาการดังกล่าว ซึ่งอาจมาพร้อมกับการมองเห็นพร่ามัวหรือเป็นลมได้
ผิวซีดเป็นอีกอาการหนึ่งที่มองเห็นได้ของโรคโลหิตจางที่เกิดจากจำนวนเม็ดเลือดแดงลดลง ฮีโมโกลบินทำให้เลือดมีสีแดง ดังนั้นเมื่อขาดฮีโมโกลบิน ผิวอาจดูซีดหรือเหลืองได้
อาการซีดนี้อาจสังเกตได้ชัดเจนในบริเวณที่มีเมลานินน้อย เช่น ฝ่ามือ เปลือกตาล่าง ริมฝีปาก ในรายที่เป็นโรคโลหิตจางรุนแรง เล็บอาจเปราะ มีลักษณะเหมือนช้อนได้
อาการใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะอาจเป็นอาการของโรคโลหิตจางได้เช่นกัน เนื่องจากเมื่อหัวใจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ หัวใจจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อชดเชย ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคโลหิตจางอาจมีอาการหัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดจังหวะ ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก หากไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะที่ร้ายแรงกว่า เช่น หัวใจล้มเหลว
โรคโลหิตจางอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เนื่องมาจากเม็ดเลือดแดงทำหน้าที่ส่งออกซิเจนไปยังระบบย่อยอาหาร และหากเม็ดเลือดแดงมีจำนวนลดลง การทำงานของระบบก็จะแย่ลง อาการเหล่านี้ยังอาจทำให้เบื่ออาหารและน้ำหนักลดในบางรายอีกด้วย
นอกจากอาการทางกายแล้ว โรคโลหิตจางยังส่งผลต่อสุขภาพจิตได้อีกด้วย ความเหนื่อยล้าเรื้อรังและความยากลำบากในการทำกิจกรรมประจำวันอาจนำไปสู่ความรู้สึกหงุดหงิด หงุดหงิด และอาจถึงขั้นซึมเศร้าได้
สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือผู้ป่วยโรคโลหิตจางแต่ละคนอาจไม่มีอาการหรือความรุนแรงของอาการเหมือนกันหมด ชนิดและความรุนแรงของโรคโลหิตจางจะกำหนดว่าอาการใดจะเกิดขึ้นและแสดงออกมาอย่างไร ตัวอย่างเช่น โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กอาจทำให้เกิดอาการต่างจากโรคเม็ดเลือดรูปเคียวหรือโรคโลหิตจางร้ายแรง
หากเริ่มมีอาการดังกล่าว สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม การพบแพทย์ตรวจและการรักษาทางการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ